Saturday, 25 March 2023

รีวิวหนัง “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่บัดนี้เสียงนั้น จุดประกายกึกก้องไปทั้งโลก

หนังสายรางวัล ก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูในประเทศไทย แบบเบา ๆ แล้วเหมือนกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่มาพร้อมกับประเด็นด้านสังคม สุดฉาวคาวโลกีย์ ที่แปลงเป็นแรงผลักดัน แล้วก็การขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ ระดับโลกในยุคปัจจุบัน แค่เพียงความพยายามกล้า ที่จะเปล่งเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ กลายมาเป็นเสียงตะโกน ที่กระหึ่ม กับเรื่องราว ที่พวกเธออยากจะให้โลกได้รับรู้!

SheSaid เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวที่สื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้ทำการเปิดโปง แล้วก็เปิดตัวการเคลื่อนไหว ของแคมเปญ #MeToo ที่แปลงเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยการกระทำ ชั่วล่วงละเมิดทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ ที่อื้อฉาวไปทั่ว ทั้งแวดวงฮอลลิวูด เกี่ยวกับการกระทำของผู้บริหารระดับสูง จากสตูดิโอหนังมีชื่อแห่งหนึ่ง

She Said บัดนี้เสียง

She Said เป็นหากว่าคุณเคยถูกใจ จากหนังสายรางวัลชนิด หนังสอบสวนเชิงข่าว

อย่าง “Spotlight คนข่าวคลั่ง” ที่ได้ออสการ์ไป หรือ “The Post เอกสารลับเพนตากอน” ที่เคยเด่นบนเวทีรางวัล คุณก็คงจะหลงใหล แล้วก็ลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ ได้ง่าย ๆ เพราะโทนของหนัง ก็มาในแนวทางแล้วก็ทำนองเหมือนกัน

คือแปลงเป็นหนังดราม่าสอบสวน ที่เกือบเปลี่ยนเป็น เชิงสารคดีข่าวไปแล้ว ในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้าง ดูง่ายแล้วก็ย่อยง่าย ผู้ชมสามารถแตะต้อง ประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมาก

นี่เป็นผลงานกำกับ หนังฮอลลิวูดเรื่องแรกเต็มตัว ของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน “มาเรีย ชเรเดอร์” ที่อาจจะกล่าวว่าฝีไม้ลายมือ ของเธอนั้น ก็ค่อนข้างเอาการอยู่ สามารถชูประเด็นแล้วก็เสนอ หนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าเรื่องออกมาได้ค่อนข้างมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไป สำหรับประสบการณ์ ของเธอสักนิดหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ องค์ประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่า ไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดพอ แล้วก็ยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ปะปนออกมาอยู่มาก

โดยหนังเรื่องนี้ ได้นักเขียนฝีมือดี ชาวอังกฤษ “รีเบคก้า เลนคีวิซ” (จาก Disobedience และ Ida) ที่ถือว่าคลุกคลีแล้วก็จับเอาประสบการณ์ตรงสำหรับในการ ทำงานข่าวเชิงสอบสวนของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเรื่องราว

หนังอาจจะมีแนวทางการเล่าเรื่อง ที่ค่อนข้างเข้าถึงง่าย แล้วก็ไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ แต่กระนั้นก็ยังพบว่า มีบางจุดที่ค่อนข้างย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ หากว่าสามารถกระชับ ในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักหน่อย คิดว่าหนังคงจะประทับใจได้มากกว่า

ถึงแม้ She Said มาได้วัตถุดิบแล้วก็ประเด็นชั้นเยี่ยม เอามาปรุงรส แต่ว่าก็แอบเสียดาย อยู่นิดหน่อยที่ว่าประเด็น ที่หนักแน่นแล้วก็ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างเมื่อนำไป เปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่อง ข้างต้นที่อ้างอิง เข้าไปข้างต้นนั้น

ถือว่าเรื่องนี้ยังค่อนข้างห่างไกลจาก คำว่าเพอร์เฟ็คไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ เพราะในท้ายที่สุดหนัง หนังเกือบจะไม่ได้สร้างมิติ แล้วก็ลูกเล่น ได้อย่างมีเชิงชั้น เป็นเพียงการเล่าเรื่อง ไปตามสูตรแบบจับวาง ตามไทม์ไลน์ที่ควรจะมีเสน่ห์ ได้มากกว่านี้

She Said กึกก้อง

She Said จุดประกาย

แต่กระนั้นหนังก็ยังโชคดี ที่มีกลุ่มนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของแล้วก็พ่นไฟ ในหนังเรื่องนี้

ที่ช่วยแบกแล้วก็พยุงหนังเอาไว้ เกือบจะทั้งเรื่อง “แครี่ มัลลิแกน” กับ “โซอี้ คาซาน” เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบ ของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหน ของพวกเธอ ถือว่าทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐาน เพียงแค่น่าเสียดายอยู่บ้าง เพราะเชื่อว่าพวกเธอ ยังสามารถทำได้ดีกว่านี้ ถ้าหากว่าส่วนประกอบของเขา มีความหนักแน่น มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก

“แพทริเซีย คลาร์กสัน”, “อันเดร บรอย์เกอร์” หรือ “เจนนิเฟอร์ เอเล่” ถือว่าเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่มาช่วยเพิ่มรสชาติ ให้กับเรื่องนี้ แล้วก็อย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่น ที่น่าดึงดูดด้วยการเชิญ นักแสดงที่เคยตกเป็นเหยื่อ ในกรณีดังกล่าว มาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาแค่เพียงเสียง แต่ว่าถือว่าเป็นกิมมิก ที่พยายามช่วยยกระดับ ความทรงพลังให้กับ หนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น แล้วก็เป็นการส่งสาร ที่สตรองเพิ่มขึ้น

หนึ่งในลูกเล่น ที่ค่อนข้างน่าดึงดูด แม้ว่าจะไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่เท่าไหร่ นั้นก็ถือจับเอาหลักฐาน จากเหตุการณ์จริง มาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะอย่างคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนัง ที่ถูกกล่าวหานั้น ถูกเอามาเปิดใช้ประกอบ ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสีย ของหนังไม่น้อย เพราะทำอะไรอย่างงี้ก็เสี่ยง ที่จะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน แต่ว่าเมื่อเจตนาของหนัง ต้องการที่ตีแผ่สังคมแล้วก็เปิดโปง ในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้ มาใช้ก็พอจะมีเหตุผลด้วยดี

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็นับว่าเป็นหนังสอบสวนเชิงข่าว ที่พอดูได้อย่างจับใ ถึงหนังจะยังไม่ได้เพอร์เฟ็ค ในทุกทิศทาง มีจุดอ่อนอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างแนวทางการนำเสนอ ของเรื่องที่ไม่ได้หนักแน่นแข็งแรงเพียงพอ

ทั้งที่ได้ประเด็น ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่ว่าหนังก็ได้ทำหน้าที่ สื่อสารตามจุดมุ่งหมายของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียง ให้กับเพศหญิง ที่ตกเป็นเหยื่อ การล่วงละเมิดทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้า ที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่จำนนยอม เพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล

โดยเหตุนี้ She Said เรื่องนี้จึงเต็มไป ด้วยประโยคแล้วก็วลีเด็ด ๆ ในการใช้เพียงขับเคลื่อนสังคม เอาไว้มากมาย แต่ว่ามีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกขยะแขยงแล้วก็หดหู่ใจ ไปในครั้งเดียวที่ได้ยินว่า

” กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องผู้ที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ ” ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก เพราะ นี่มันเป็นความจริงในสังคม เพราะในที่สุดแล้ว คนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้ กับผู้ที่เรืองรอง อิทธิพลอยู่เต็มสิบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ

ประเภท: ดราม่า

ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์

แสดงนำโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน

ความยาว: 129 นาที

ระบุฉายในไทย: 1 เดือนธันวาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)